THE SECRET VILLAGE IN LAOS

URCHIN presents I The secret village in Laos.
Apr 28, 2016
1 min read

ถ้าจะพูดถึง สปป. ลาว คนส่วนใหญ่มักจะนึกถึงหลวงพระบางเป็นอันดับต้นๆ หรือถ้าสายปาร์ตี้หน่อยก็คงจะหนีไม่พ้นวังเวียง แต่ยังมีอีกสถานที่นึงที่ดึงดูดให้ใครหลายๆคนที่รักในธรรมชาติและความเงียบสงบต้องไปเยือนหมู่บ้านแห่งนี้ เมืองงอยแห่ง สปป. ลาว เมืองที่เล็กราวกับหมูบ้านที่ตั้งขนาบลำน้ำอูบริเวณตอนเหนือของแขวงหลวงพระบาง การกลับไปเมืองงอยอีกถึง 2 ครั้ง เป็นสิ่งยืนยันกับตัวเราเองแล้วว่ามันต้องมีอะไรซักอย่างที่ทำให้เรารักมันเข้าแล้วจริงๆ การเดินทางทำให้เราได้สัมผัสถึงสภาพความเป็นอยู่ที่เรียบง่ายและความเป็นกันเองของชาวบ้านที่นี่ ธรรมชาติที่ยังคงสมบูรณ์ การได้รู้จักเพื่อนใหม่ และการเรียนรู้ที่จะเคารพความแตกต่างทางวัฒนธรรม ถึงแม้ว่า สปป. ลาว จะเป็นประเทศที่อยู่ติดกับประเทศไทยก็ตามแต่วัฒนธรรมหลายๆอย่างเป็นสิ่งใหม่สำหรับเรา แผนการเดินทางของเราจะตัดทอน โดยเริ่มจากหลวงพระบาง - หนองเขียว - เมืองงอย เมืองงอยตั้งอยู่ทางตอนเหนือของหลวงพระบาง โดยใช้ระยะเวลาการเดินทางโดยรถมินิแวนจากหลวงพระบาง ประมาณ 4 – 5 ชั่วโมง จากหลวงพระบางสู่หนองเขียว ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง จากหนองเขียวไปเมืองงอย ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง

หลวงพระบาง - หนองเขียว การเดินทางจากหลวงพระบางสู่หนองเขียว เริ่มจากการหาซื้อตั๋วรถตามบริษัททัวร์บริเวณรอบๆ ถนนคนเดินหรือจะซื้อผ่านทางที่พักก็ได้ แต่ควรซื้อก่อนวันเดินทาง 1 วัน โดยจะมีรถสามล้อมารับเราจากที่พักเวลาประมาณ 8 โมงครึ่ง และไปส่งเราที่สถานีขนส่งสายเหนือหลวงพระบาง จากนั้นโดยสารด้วยรถมินิแวนมุ่งหน้าสู่หนองเขียว (ค่ารถอยู่ที่ประมาณ 45,000 - 50,000 กีบ)

***การเลือกที่นั่งระหว่างการเดินทาง*** แนะนำให้นั่งข้างคนขับหรือแถวที่ถัดจากคนขับเพราะถ้าไม่อย่างงั้นละก็ คุณอาจจะพบกับอาการเมารถ เพราะรถที่เราใช้โดยสารบางคันไม่มีแอร์หรือเครื่องทำความเย็นใดๆ ทั้งสิ้น และการนั่งตรงกลางคันรถคุณจะหมดสิทธิ์ในการควบคุมการเปิดปิดของหน้าต่าง ส่วนการนั่งด้านท้ายของรถถือว่าซวยสุดๆ เพราะคุณจะหมดสิทธิ์ในการนอนระหว่างการเดินทางไปเลย เนื่องจากถนนค่อนข้างแย่ ช่วงล่างของรถนี่เรียกได้ว่าอีกนิดนึงก็พังและ หัวของคุณจะกระแทกกับหลังคารถทุกๆ 3 นาที ***ข้อแนะนำระหว่างการเดินทาง*** - เข้าห้องน้ำจากท่ารถมาก่อนดีที่สุดสำหรับคุณผู้หญิง ถ้าไม่อยากเข้าพุ่มเพราะการหาห้องน้ำเข้าระหว่างทางแทบ เป็นไปไม่ได้เลย - พกน้ำดื่มไปด้วยนะ อากาศมันร้อน - หายาแก่เมารถทานแล้วนอนไปเลยสำหรับคนที่กลัวเมารถ คือเส้นทางไม่ได้คดเคี้ยวอะไร แต่พื้นผิวถนนนี่เรียกได้ ว่าสูสีกับดวงจันทร์เลยทีเดียว - พกผ้าพันคอที่สามารถใช้ปิดจมูกหรือกันแดด เพราะฝุ่นนี่จะเข้ามาในรถแน่นอนและรถที่นี่เค้าไม่รู้ทำไมไม่ติดฟิล์ม

หนองเขียว - เมืองงอย หลังจากที่เราได้เดินทางมาถึงสถานีขนส่งหนองเขียว จะมีรถโดยตุ๊กตุ๊กมารับไปส่งที่ท่าเรือ คุณสามารถเลือกที่จะใช้บริการรถหรือถ้าอยากประหยัดค่าใช่จ่ายก็สามารถเดินเท้าไปที่ท่าเรือก็ได้ โดยระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร (ค่ารถ 5,000 กีบ) จากท่าเรือหนองเขียวไปเมืองงอยใช้เวลาเดินทางไม่นานโดยเป็นการนั่งเรือทวนน้ำขึ้นไปประมาณ 1 ชั่วโมง

(ค่าเรือ 25,000 กีบ)

เมืองงอย

จากประสบการณ์การไปเยือนเมืองงอย 3 ครั้ง ทั้งเที่ยวกับตัวเองและกับเพื่อน

ที่พักที่อยากจะแนะนำคือ Ning Ning Guest house เพราะสะอาดกว่าเมื่อเทียบกับที่พักเจ้าอื่น

อีกทั้งมีร้านอาหารที่อร่อยและมีวิวดีที่สุดสำหรับการจิบเบียร์ลาวแล้วก็ว่าได้

เนื่องจากตอนเราจะมาถึงเมืองงอยก็บ่ายแก่ๆ เกือบจะเย็นอยู่แล้ววันนี้เลยขอพักเหนื่อยโดยการโดนเบียร์ลาวซะหน่อย พร้อมกับบรรยากาศก่อนพระอาทิตย์ตกดินที่ Ning Ning คือมันดีมากทานเบียร์เย็นๆกับบรรยากาศดีๆ ไม่หนาวไม่ร้อนยิ่งถ้ามากับแฟนนะเราว่ามันคงจะดีมากจริงๆ

วันต่อมาก็ตื่นซะเช้าเลยครับจากนาฬิกาปลุกธรรมชาติของที่นี่เค้านั้นก็คือน้องไก่ หลังจากนั้นสิ่งที่เราชอบที่สุดก็ตามมานั้นก็คืออาหารเช้า สลัดลาวและบาเก็ตนี่ต้องลองพูดเลยนะจุดๆนี้ รวมถึงแพนเค้กของ Ning Ning นี่ถือว่าที่เด็ด

จากเมื้ออาหารเช้าสุดฟิน ก็มาเผ่าผลานพลังงานโดยการเดินเที่ยวระหว่างหมู่บ้าน จากเมืองงอยสู่บ้านนาโดยใช้เวลาเทรคกิ้งประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ระหว่างทางจะพบกับธรรมชาติที่สมบูรณ์ เรื่องราวดีๆ และเพื่อนร่วมโลกสุดน่ารัก

บ้านนาหมู่บ้านเล็กๆที่ซ้อนตัวอยู่ระหวางหุบเขาโดยชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านนี้จะหาเลี้ยงชีพโดยการการปลูกข้าวเป็นหลัก เนื่องจากสามารถปลูกได้ตลอดทั้งปีเพราะมีแหล่งน้ำธรรมชาติไหล่ผ่านซึ่งอย่างไม่ขาดสายจึงหมดปัญหาเรื่องน้ำ ช่วงที่เราเดินทางถึงหมู่บ้านเป็นช่วงบ่ายชาวบ้านส่วนใหญ่จึงออกไปทำไร่ทำสวนและปล่อยเด็กๆได้ใช้ชีวิตในวัยเด็กอย่างเต็มที่นั้นก็คือการเล่น

หลังจากกลับมาจากการเดินเที่ยวซึ่งใช้พลังงานไปเกือบหมดแล้ว ก็ต้องหาอะไรทานซะหน่อย ซึ่งบริเวณถนนเส้นหลักของหมู่บ้านซึ่งในตอนเย็นจะมีอาหารที่ชาวบ้านนำออกมาขายในราคาน่ารักๆ

ถ้าอยากจะหาอะไรทานแบบที่ไม่ต้องเสียเงินละก็ขอแนะนำให้นั่งเรือออกไปตกปลาทางตอนบนของหมู่บ้านก็ได้ เผื่อจะได้หาของปลาสดๆ มาทานกัน

เราให้เวลาทั้งหมดในหมู่บ้านแห่งนี้ทั้งหมด 4 คืน 5 วัน ซึ่งมันอาจจะนานสำหรับใครหลายๆคนกับหมู่บ้านที่เล็กและดูเหมือนจะไม่มีอะไรน่าสนใจ แต่สิ่งที่เราได้กลับไปในทุกๆครั้งที่มาที่นี่คือการได้ใช้ชีวิตในแบบที่เราคิดว่ามันโอเคสำหรับเรา อ่านหนังสือ, นอน, เล่นกับเด็กๆในหมู่บ้าน และใช้ชีวิต

โดยรวมแล้วหมู่บ้านนี่เป็นหมู่บ้านที่เราประทับใจมาก ได้เห็นวัฒนธรรมและวิถีชีวิตที่แม้จะคล้ายกับบ้านเราบ้าง แต่ก็มีความแตกต่างและเอกลักษณ์ในตัวของมันเอง ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 แล้วที่เรากลับมาเยือนหมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้และคงไม่ใช่ครั้งสุดท้ายของเราแน่นอน เมืองงอยแห่ง สปป.ลาว สบายดี