top of page

NORWAY THE LAND OF FJORD

  • URCHIN presents, Norway The Land of Fjord
  • Dec 13, 2016
  • 1 min read

"มึงๆไป Norway กันไม่ต้องทำไรเลยเดี๋ยวกูแพลนให้หมด มึงแค่ขับรถอย่างเดียวเชื่อกูสวย 7 วันพอ"

แล้วการเดินทางมันก็เริ่มต้นขึ้นจากประโยคสั้นๆแค่เนี่ยแหละ

------------------------------------

Norway ประเทศซึ่งเป็นที่รู้จักกันในเรื่องของประเทศที่มีค่าครองชีพสูงติดอันดับต้นๆของโลก ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของคาบสมุทรสแกนดิเนเวีย ติดกับ Sweden, Finland และ Russia และเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพยุโรป Schengen Visa จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องใช้เพื่อเข้าออกประเทศแห่งนี้

Norway เป็นประเทศที่มีธรรมชาติที่สมบูรณ์มากแห่งหนึ่งของโลก แสงเหนือในฤดูหนาวหรือพระอาทิตย์เที่ยงคืนในฤดูร้อนอาจจะเป็นความฝันของใครหลายๆคน แต่สำหรับเราอ่าวแคบๆระหว่างหน้าผาสูงที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติจากการกัดเซาะของธารน้ำแข็งเป็นเวลาหลายแสนล้านปีที่เรียกว่า ฟยอร์ด (Fjord) เนี่ยแหละคือสิ่งที่ดึงดูดเราให้ไปเยือนประเทศแห่งนี้กับ 7 วัน ในการขับรถลัดเลาะไปตามชายฝั่งตะวันตกของประเทศ

(Tips ควรวางแผนการเดินทางล่วงหน้าไว้นิดนึงเพราะความสวยงามของแต่ละสถานที่ในแต่ละฤดูกาลมักแตกต่างกันและในช่วงฤดูหนาวซึ่งมีหิมะตกสถานที่บางสถานที่อาจจะปิดทำการชั่วคราว)

แผนการเดินทางคร่าวๆ ของเรา คือ

- Oslo

- Aulandsvangen

- Bergen

- Geirangerfjord

- Tafjord

- Oslo

เราเริ่มกันเถอะที่ Oslo เมืองหลวงของประเทศและอย่างที่บอกไว้ก่อนหน้านี้ว่าการเดินทางของเราครั้งนี้จะเป็นการขับรถเที่ยวหรือ Road trip ซึ่งหลังจากลงจากเครื่องรับกระเป๋าเรียบร้อยก็ถึงเวลาจัดการเรื่องรถที่จองไว้ พอหลังจากจัดการเรื่องรถเสร็จก็เที่ยงพอดิบพอดีก็ถึงเวลาหาอะไรทานละ เป็นเรื่องดีที่ช่วงที่เราไปเป็นช่วงคริสต์มาสซึ่งอากาศค่อนข้างเย็นไม่สิหนาวเลยก็ว่าได้ แต่ด้วยความที่เป็นช่วงคริสต์มาสเนี่ยแหละก็มีอะไรหลายๆ อย่างที่ปกติเค้าไม่มีกันนั่นก็คือตลาดนัด ซึ่งสิ่งที่เราตามหาคงจะหนีไม่พ้นของกินอย่างแน่นอน

หลังจากที่เราอิ่มท้องกับเบอร์เกอร์เนื้อกวางมูส ไส้กรอกที่ดูรู้เลยว่าทำมาจากเนื้อน้องหมูอย่างแน่นอน และตบด้วยเบียร์เย็นๆ ซักแก้วและแล้วก็ถึงเวลาเดินสำรวจเมืองกันแล้ว อะเริ่ม

หลังจากเราเดินเล่นจนเย็นก็ยังเหลืออีกสถานที่ที่นึงที่ถ้ามาเยือน Oslo ไม่ควรพลาดนั่นก็คือ Opera House ที่ที่เราคิดว่าจะเป็นที่สุดท้ายสำหรับวันนี้ ตั้งใจแค่ว่าจะขึ้นไปดูวิวรอบเมืองแปปเดียวเดี๋ยวก็กลับ แต่เราดันไปเจอ Northern Light มาเต้นรำให้เราดูเฉย ด้วยความที่ไม่ได้เตรียมตัวมาเพราะไม่คิดว่า Oslo ที่มีแสงสว่างมากมายจากรถและตึกจะสามารถมองเห็นแสงเหนือได้ชัดเจนขนาดนี้ เหนือคาดเลยครับ ขาตั้งกล้องอะไรก็ไม่มีกับเค้าถ่ายได้ดีที่สุดก็รูปข้างล่างนี่แหละครับ น้ำตาจะไหล

(Tips ถ้าไปช่วงฤดูหนาวเวลาจองรถแนะนำให้ระบุว่าต้องการใช้ยางที่สามารถวิ่งบนหิมะได้ ราคาเพิ่มนิดหน่อยแต่ปลอดภัยแน่นอน เพราะในช่วงฤดูหนาวหิมะสามารถตกได้ตลอดเวลา)

หลังจากที่ได้พบกับความงามของ Northern Light ที่ Oslo เมื่อคืนแล้ว วันนี้เราจะขับรถขึ้นไปที่เมือง Aulandsvangen อีกหนึ่งเมืองที่มีชื่อเสียงเกี่ยวกับฟยอร์ด (Fjord) ซึ่งใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง ด้วยถนนที่ต้องขับเลียบหน้าผาลัดเลาะไปตามไหล่เขาจึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทำความเร็วได้มากเท่าที่ควรเพื่อความปลอดภัย กับที่นี่ครับ Aulandsvangen


การขับรถกว่า 5 ชั่วโมง โดยมีวิว 2 ข้างทางที่ปกคลุมไปด้วยหิมะกับถนนที่ไม่สามารถไว้ใจได้ว่าจะมีช่วงที่เป็นน้ำแข็งหรือไม่เพราะจะเสี่ยงต่อการที่รถจะลื่นและตกถนนได้ และแล้วเราก็เดินทางมาถึง Aulandsvangen เมืองที่มีฟยอร์ด (Fjord) สวยอันดับต้นๆ ของประเทศ

สิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับการเดินทางในยุโรปคงจะหนีไม่พ้นมาม่ากับเบียร์โลคอลเย็นๆ ซักขวดพร้อมกับวิวที่สวยเหมือนภาพวาดกับที่นี่ Aulandsvangen หลังจากที่อิ่มท้องกับมาม่าและเบียร์ เราได้ใช้เวลาทั้งหมดในช่วงเย็นกับการนั่งโง่ๆ ดูวิวจนพระอาทิตย์ตกดินใช้เวลาไปกับการคิดอะไรเรื่อยเปื่อย

ส่วนวันพรุ่งนี้เราจะมุ่งหน้าสู่เมืองหลวงเก่าของ Norway พร้อมกับทานสิ่งที่ขึ้นชื่อของเมืองนี้นั่นก็คืออาหารทะเลกับที่นี่ครับ Bergen

ตามเคยครับสำหรับการมาเที่ยวในช่วงฤดูหนาว หิมะที่ขาวแบบสุดลูกหูลูกตาและความว่างเปล่าเป็นของคู่กันแต่สำหรับเรามันก็สวยในแบบของมัน

5 ชั่วโมงในการขับรถลัดเลาะตามภูเขาและลอดอุโมงค์ใต้ทะเลท่ียาวกว่า 25 กิโลเมตร สู่เมืองท่าที่เราตั้งหน้าตั้งตาคอยกับการที่เราจะได้ทานอาหารทะเลที่เค้าบอกว่าดีกับที่นี่ครับ Bergen

ถือว่าไม่ผิดหวังจริงๆกับตลาดที่เต็มไปด้วย กุ้ง หอย ปู ปลา และอาหารทะเลอีกมากมายกับ "FISKETORGET" อยากทานอะไรก็เลือกได้เลยซึ่งเค้าจะขายตามน้ำหนัก ส่วนเราจะให้เค้านำไปปรุงยังไงนั้นก็ตามใจเราเลย แต่สำหรับเราคงหนีไม่พ้น Oyster สดๆ กับหอยแมลงภู่ราดซอสไวน์ขาว

อีกหนึ่งไฮไลท์ของเมืองนี้คงจะหนีไม่พ้นบรรดาตึกเก่าที่มีอายุกว่า 200 ปีที่เรียงรายตามแถวอ่าวของเมืองที่ปัจจุบันถูกดัดแปลงกลายเป็นร้านค้าต่างๆ หรือบางตึกถูกดัดแปลงกลายเป็นแกลเลอรี่ไว้แสดงและขายผลงานของศิลปินอีกด้วย

หลังจากนั้นก็ถึงเวลากลับบ้านพักที่เราได้จองไว้ผ่านทาง Airbnb เพื่อทำอาหารเย็นราคาประหยัด ซึ่งเรื่องวัตถุดิบต่างๆ ก็หาซื้อตามซุปเปอร์มาร์เก็ตนั้นแหละ และแล้วเมนูนี้ก็ถูกรังสรรค์ขึ้นมาอย่างลงตัวกับมาม่าทะเลที่หน้าตานี่พอๆ กับเจ๊โอวเลยก็ว่าได้

หลังจากอิ่มท้องกันแล้วก็ถึงเวลาที่ต้องเข้านอนกันแล้วเพราะพรุ่งนี้เราจะต้องตื่นแต่เช้า เพราะระยะทางที่เราจะต้องเดินทางสู่ Geirangerfjord ดูเหมือนจะไม่ไกลแต่ทางที่จะขับไปนั้นเรียกได้ว่าเลาะเขาไปไม่รู้กี่ลูกต่อกี่ลูก ที่ตลกคือบางช่วงของการเดินทางถนนที่เราขับนั้นไม่ได้มีร่องรอยของหิมะเลยแม้แต่นิดเดียว แต่พอขับรถทะลุอุโมงค์ไปโผล่อีกด้านของภูเขาเหมือนกับหนังคนละม้วนเลยขาวโพลนโอโม่เรียกพี่

6 ชั่วโมงกับการขับรถลัดเลาะเลียบเขาทะลุเข้าอุโมงค์ออกนั่นรอดนี่และแล้วเราก็มาถึง Geirangerfjord บริเวณที่มีฟยอร์ดสวยมากอีกหนึ่งที่ของ Norway ซึ่งเราได้ใช้เวลาอยู่ตรงนี้นานพอสมควรไปกับการนั่งนั่งแล้วก็นั่ง ฟังเสียงลมแล้วก็น้ำที่กระทบฝั่งแบบลืมเวลากันไปเลย

โดยที่เราไม่รู้ว่านานเท่าไหร่สำหรับการนั่งชิลริมทะเลแต่ก็นานพอที่ทำให้เราตกเรือเฟอร์รี่รอบที่เราแพลนไว้ ทำให้เราต้องรอเรือรอบสุดท้ายซึ่งต้องรออีก 2 ชั่วโมง โดยสิ่งที่เราทำเพื่อที่จะฆ่าเวลาก็คือการหยิบเอาโน๊ตบุ๊คขึ้นมาแล้วเปิดหนังดูในรถ โดยจากภาพด้านล่างทำให้เห็นว่าไม่มีใครมาต่อคิวเป็นเพื่อนเลยในค่ำคืนคริสต์มาสอีฟที่หนาวได้เรื่องอยู่


หลังจากที่หนังจบไม่นานเรือก็มาพอดีเย่ๆ พอข้ามไปฝั่งตรงข้ามได้ก็ใช้เวลาขับรถอีกประมาณ 15 นาทีก็ถึงที่พักด้วยสภาพเหนื่อยอ่อนแบบสุดๆ ขออาบน้ำอุ่นๆ นอนซุกผ้าห่มหนาๆ ดีกว่าพรุ่งนี้ค่อยว่ากันต่อแล้วกัน

วันรุ่งขึ้นเราตื่นขึ้นมาพร้อมกับความขาวโพลนของหิมะ เพราะตลอดทั้งคืนหิมะตกต่อเนื่องไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ว่าแล้วก็ออกไปดูซะหน่อยเพราะในแพลนของเราวันนี้เราจะไปอีกหนึ่งฟยอร์ดที่เค้าบอกว่าเด็ดแต่ไม่รู้ว่าจะได้ไปมั้ยขาวซะขนาดนี้

หลังจากที่สำรวจรอบบ้านแล้วก็อย่างที่เห็นในภาพด้านบนว่าขาวโพลนขนาดไหนและที่สำคัญคือเราต้องรอรถเกลี่ยหิมะมาเกลี่ยทางให้ก่อนเพราะบ้านพักของเราอยู่บนภูเขาถ้าจะขับลงไปในสภาพถนนแบบนี้ไม่น่าจะดีเท่าไหร่ หลังจากที่เรารอไม่นานรถเกลี่ยก็มา ไอ้เราก็ไม่รอช้าขับตามรถเกลี่ยเลยครับ จุดหมายปลายทางของเราวันนี้ก็คือ Tafjord

หลังจากที่เราถึง Tafjord เราก็ขึ้นไปที่จุดชมวิวซึ่งจากอุณหภูมิ -7 องศา เนี่ยบวกกับลมที่พัดอย่างแรงจนแทบเซเราว่าเราคงอยู่ที่นี่ต่อไปอีกไม่ไหวละ ลงไปดูด้านล่างดีกว่าน่าจะลมไม่แรงเท่าข้างบน

ความหนาวเย็นไม่ได้ทำให้ความสวยงามของมันลดน้อยลงเลย แต่มันกลับทำให้เราจิตนาการต่อว่าถ้าเรากลับมาที่นี่ในฤดูร้อนมันจะสวยแบบไหนจากขาวเปลี่ยนเป็นเขียว แต่เราว่ายังไงมันก็ไม่มีอะไรสวยไปกว่ากันหรอกอยู่ที่ว่าเราจะมองมันในมุมไหนกับที่นี่ Tafjord

วันรุ่งขึ้นก็ถึงเวลาเดินทางกลับ โดยแพลนของเราก็คือการขับรถรวดเดียว 8 ชั่วโมงจาก Tafjord ไป Oslo งานหนักเอาการอยู่ โดยเส้นทางที่เราจะใช้เป็นเส้นทางที่ตัดตรงลงมาไม่ใช่เส้นทางเดียวกับขามาซึ่งก็มีถนนบางเส้นปิดเนื่องจากพายุหิมะเมื่อวันก่อน ซึ่งอุณหภูมิก็ยังอยู่ที่ติดลบอยู่ตลอดทั้งวัน


หลังจากขับรถยาวกว่า 8 ชั่วโมงและแล้ว Oslo ซึ่งก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิงจากวันแรกที่เรามาเพราะเจ้าหิมะเนี่ยแหละเล่นเอาขาวทั้งเมือง ซึ่งเราจะอยู่ที่ Oslo อีก 1 คืนแล้ววันรุ่งขึ้นเราก็จะเดินทางออกจากประเทศแห่งนี้


สถานที่ที่เราไปไม่ว่าจะที่ไหนก็ตามเพียงแค่ช่วงเวลาเปลี่ยนอะไรๆ มันก็เปลี่ยนตามกาลเวลาของมัน อีก 3 ปีข้างหน้าถ้าเรากลับมาที่นี่อีกครั้งอย่างน้อยมันก็ต้องมีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่สำหรับเราทริปนี้แม้ว่ามันจะหนาวแต่มันก็มีเสน่ห์และสวยงามในแบบของมัน

ถึงแม้การรีวิวของเราอาจจะไม่ได้ละเอียดมากแต่เราก็หวังว่ามันจะสามารถทำให้คุณเกิดแรงบันดาลใจในการเดินทางในอนาคต เพราะการเดินทางไม่เคยทำร้ายใคร ความแตกต่างระหว่างสังคม วัฒนธรรม หรือภูมิประเทศ มีแต่จะช่วยให้เราเข้าใจโลกใบนี้มากยิ่งขึ้นว่าเราเป็นแค่สิ่งเล็กๆ ที่เติมเต็มโลกใบนี้เท่านั้น ขอบคุณครับ

Instagram : @urchin_travel

Комментарии


 CATEGORIES 
 YOU MIGHT LIKE 
 YOU MIGHT LIKE 
 FEATURED POSTS 

 FOLLOW ME  FREE TRAVEL

  • Black Facebook Icon
  • YouTube - Black Circle
  • Black Instagram Icon
  • Black Twitter Icon

INSTAGRAM

OUR JOURNEY EXPERIENCE

FOLLOW OUR WANDERLUST

 

@URCHIN_TRAVEL

GET IN TOUCH

 

For Press and Editorial

 

 

Email: urchintravel@gmail.com

KEEP IN TOUCH

Join our mailing list

  • Black Facebook Icon
  • Black Twitter Icon
  • Black Instagram Icon

© 2016 Urchin Travel. All Rights Reserved.

bottom of page